วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำเนียบรัฐบาล


ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่มีประวัติศาสตร์และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตั้งสถิตอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับในความเป็นสิริมงคลจากข้าราชการและทุกคนที่เข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นที่คนตำแหน่งสูงสุดอย่างนายกรัฐมนตรี หรือข้าราชการชั้นผู้น้อยอย่างเจ้าหน้าที่ส่งเอกสาร จะต้องให้ความเคารพ กราบไหว้ สักการะ และนำเครื่องเซ่นมาบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตและความเจริญรุ่งเรืองในการปฎิบัติหน้าที่การงานนั้นเห็นจะมีเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือ พระพรหมที่ตั้งสถิติอยู่บนระเบียงหลังคาด้านหน้าของตึกไทยคู่ฟ้า มีแท่นประดิษฐานรูปปั้น พระพรหมมีลักษณะ 4 พระพักตร์ 4 พระกร ขนาดหน้าตักประมาณ 24 นิ้ว และมีกำแพงเตี้ย ๆ แบบคลาสสิคบังฐานอยู่ข้างหน้า โดยในสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ริเริ่มให้มีการจัดจัดสร้างและสั่งการให้กรมศิลปากร เป็นผู้ปั้นและหล่อเป็นโลหะสัมฤทธิ์   แต่จัดสร้างแล้วเสร็จและอัญเชิญประดิษฐานบนแท่นในสมัยจอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนอีกแห่งคือ ศาลพระภูมิเจ้าที่ ที่ตั้งสถิตอยู่บริเวณริมกำแพงทำเนียบรัฐบาลด้านถนนพิษณุโลก ตรงข้ามกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( ก.พ.)
              
สำหรับคนไทยที่มีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณกาลว่า สถานที่ใดที่เราจะต้องไปทำงานหรืออยู่อาศัยนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เราจะต้องกราบไหว้บูชา สักการะ เพื่อเป็นบอกกล่าวและขออนุญาตเข้ามาอยู่อาศัยให้เกิดความสิริมงคล จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฎิญาณตนก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งนักการเมืองทั้งหลายที่เข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล จะทยอยเดินทางนำเครื่องเซ่น เครื่องบวงสรวงไม่ว่าจะเป็นชุดเล็ก ชุดใหญ่ ธูปดำ  เทียนแดง ดอกดาวเรือง  ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวพันกับความเชื่อในความเป็นสิริมงคลจะนำมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสายในช่วงเริ่มต้นการทำงาน
               
การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้ง 2 แห่งก่อนที่จะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจให้กับตัวเองและทีมงานแล้ว ยังเป็นพิธีกรรมที่สิ่งบ่งบอกและแสดงถึงความเชื่อเหล่านี้ยังมีอยู่ในสายเลือดคนไทยทุกคนไม่เสื่อมคลายลงแม้แต่น้อย  ที่สำคัญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นที่พึ่ง ที่หวัง และที่สร้างกำลังใจสำหรับทุกคนที่คิดดี ทำดี  มุ่งสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติอย่างแท้จริงเท่านั้น.

สาวิตรี เล็กมณี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น